Tuesday, August 7, 2007

มิติความสัมพันธ์ของมนุษย์


ความเป็นมนุษย์มีรูปแบบของความสัมพันธ์อยู่ ๓ มิติ คือ

- ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ที่อยู่ร่วมกัน
- ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
- ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งนอกเหนือธรรมชาติ

ทั้ง 3 มิติร้อยรัดกันเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อจะดำรงชีวิตอยู่ร่วมกัน เรียกว่า “วัฒนธรรม” คนตะวันตกกับตะวันออกมองรูปแบบความสัมพันธ์ดังกล่าวต่างกัน ขณะที่คนตะวันตกไม่ให้ความสนใจกับสิ่งนอกเหนือธรรมชาติ แต่พยายามจะคุมทุกอย่างด้วยวิทยาศาสตร์ สังคมตะวันตกแยกจิตวิญญาณออกจากธรรมชาติ เพราะคิดว่าจะควบคุมจักรวาลด้วยวิทยาศาสตร์ ทำให้พัฒนาความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขึ้นมา ขณะที่คนตะวันออกยอมรับสิ่งนอกเหนือธรรมชาติ แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ไม่รู้ไม่เข้าใจแต่เป็นสิ่งที่คนเหล่านี้เชื่อ และสร้างความเชื่อเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อเป็นแนวทางในการอยู่ร่วมกัน

จากความเชื่อได้พัฒนากลายเป็นศาสนาต่างๆ ที่มองจักรวาลเป็นระบบความเชื่อ เพราะฉะนั้นคนตะวันออกจึงมีครบทั้ง 3 มิติ โดยเฉพาะมิติสุดท้าย คือ สิ่งนอกเหนือธรรมชาตินั้นเป็นความสัมพันธ์ที่ควบคุมพฤติกรรมของคนในสังคมตะวันออก ซึ่งคนทางตะวันตกส่วนใหญ่ไม่มี ขณะที่สังคมไทยในปัจจุบันกลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคมตะวันตก ซึ่งเกิดจากการเดินตามตะวันตกทุกอย่าง ทำให้มิติของความสัมพันธ์กับสิ่งนอกเหนือธรรมชาติขาดหายไป ความเชื่อที่เหลืออยู่ก็ไม่ใช่ความเชื่อทางศาสนาแต่เป็นความเชื่อทางไสยศาสตร์ เวลานี้เราไม่ได้มองมิติทางจิตวิญญาณ เรามองศาสนาในลักษณะหยุดนิ่ง การศึกษาศาสนาคือการศึกษาเพียงแต่ว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไรบ้าง

ขณะที่เราพูดกันถึงความหลากหลายทางชีวภาพ และเราต้องไม่ลืมความหลากหลายของวัฒนธรรมด้วย “ศาสนา” คือ สถาบันสากลของความมีศีลธรรม เป็นสิ่งที่สร้างชุมชนแบบมนุษย์ขึ้นมา ที่ผ่านมาเราอยู่กันมาเป็นพันๆ ปีได้อย่างมีความสุข มาพังเมื่อรับเอาความคิดแบบตะวันตกเข้ามา เกิดศาสนาใหม่ขึ้นมาคือ ศาสนาบริโภคนิยม ศาสนาทุนนิยม (ดังที่กล่าวไว้ในบทก่อนแล้ว) ถ้าไม่เข้าใจตรงนี้เราหยุดไม่ได้ ถ้ายังไม่หยุด ปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นต่อไป เช่นเมื่อเราสัมผัสกับธรรมชาติ ถ้าเรารู้ว่าธรรมชาติมันเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกันเราก็ได้ประโยชน์ตรงนี้มาก เราเงยหน้าเห็นดวงดาว ความเห็นแก่ตัวตรงนี้เราก็ลดลง เพราะเรารู้ว่าทั้งหมดมันมีความเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งจักรวาล เราไม่ได้เป็นศูนย์กลางที่จะแยกส่วนออกมา เห็นดวงดาวความเห็นแก่ตัวก็ลดลง เห็นพระจันทร์ความเห็นแก่ตัวก็ลดลง เห็นทะเลความเห็นแก่ตัวก็ลดลง เห็นภูเขาความเห็นแก่ตัวก็ลดลง เราสามารถนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์เพื่อลดความเห็นแก่ตัวของเราได้ตลอดเวลา ทำให้เราเป็นอิสระขึ้น มีความสงบ มีความสุข มีความรักเพื่อมนุษย์ รักธรรมชาติทั้งหมด ตรงนี้ที่หมายถึงเข้าถึงความเป็นทั้งหมดและถ้าเราเข้าใจตรงนี้เราก็จะได้ประโยชน์จากธรรมชาติอย่างเหลือหลาย จะประสบความสุข และความงาม และจะเกิดความรู้สึกอยากให้เพื่อนมนุษย์คนอื่นได้เจออย่างนี้เช่นกัน เพราะเป็นความสุข เป็นความงาม และมีการเรียนรู้ ซึ่งหมายถึงการเข้าถึงความจริงทั้งหมด

เกี่ยวกับความจริงทั้งหมดนั้น ถ้าเป็นสิ่งที่ใหญ่ที่สุดทางวิทยาศาสตร์ ก็คือความเป็นบิ๊กแบง (Big Bang) ที่คาดกันว่าเกิดขึ้นเมื่อ ๑๕,๐๐๐ ล้านปีนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่างในปัจจุบัน แต่ว่าในทางพุทธนั้นมีสิ่งที่ดำรงอยู่ก่อนบิ๊กแบงเสียอีก ถ้าทางวิทยาศาสตร์จะบอกว่าอวกาศและเวลาเริ่มเมื่อเกิดมีบิ๊กแบง เพราะฉะนั้นจักรวาลทั้งจักรวาล ดวงดาวทั้งหมดและวัตถุต่างๆเริ่มเมื่อเกิดมีบิ๊กแบงเกิดขึ้น แต่ในทางพุทธบอกว่ามันมีสิ่งที่มีอยู่ก่อนแล้ว สิ่งที่ไม่ปรุงแต่งมีอยู่ก่อนบิ๊กแบง ซึ่งเป็นธรรมชาติที่มีอยู่แล้วเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เป็นจุดตั้งต้นไม่มีจุดสิ้นสุด ไม่ปรุงแต่งในนั้น แล้วสิ่งอื่นที่เกิดขึ้นตั้งแต่มีบิ๊กแบง ถือเป็นการปรุงแต่งทั้งสิ้น คือปรุงแต่งขึ้น สังขารแปลว่าปรุงแต่งขึ้นเป็นจักรวาล เป็นดวงอาทิตย์เป็นดวงดาว เป็นต้นไม้ คน สัตว์ อันนี้เป็นสังขารที่ปรุงแต่งขึ้นมา ถ้าใครเข้าใจก็จะระงับการปรุงแต่งได้ และถ้าระงับการปรุงแต่งเสียได้ก็จะเข้าไปสู่ความสงบและเป็นสุขอย่างยิ่ง

พระไพศาล วิสาโล เคยกล่าวไว้ว่า ความทุกข์พื้นฐานของคนในยุคบริโภคนิยมสืบเนื่องจากการปฏิเสธมิติที่มีความสัมพันธ์กับมนุษย์ทางจิตวิญญาณ อันเป็นผลจากโลกทัศน์แบบวัตถุนิยมที่เห็นธรรมชาติมีเพียงมิติเดียว คือ “มิติทางวัตถุ” อันประจักษ์ได้ด้วยประสาททั้งห้าเท่านั้น โลกทัศน์ดังกล่าวให้ผู้คนปฏิเสธหรือไม่ยอมรับความต้องการมิติทางจิตวิญญาณ อันได้แก่ความต้องการมีตัวตนที่เที่ยงแท้มั่นคงและความสงบ เมื่อไม่ยอมรับว่ามีความต้องการดังกล่าวอยู่ในส่วนลึก จึงไม่สนใจที่จะตอบสนอง หรือตอบสนองไม่ตรงจุดเพราะไปอาศัยวัตถุเป็นทางแก้เนื่องจากเข้าใจว่า ต้นตอของปัญหาอยู่ที่เรื่องวัตถุ

ศาสนานั้นเห็นว่า มนุษย์นั้นมีหลายมิติข้างต้นที่หลอมรวมกันเป็น วัฒนธรรม ซึ้งเราควรได้รับความเอาใจใส่ไม่น้อยไปกว่ามิติทางวัตถุ การรื้อฟื้นมิติทางจิตวิญญาณให้กลับมาเป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์ พร้อมกับวิธีการตอบสนองความต้องการทางจิตวิญญาณอันได้แก่ “สมาธิภาวนา” ซึ่งเป็นหนทางที่จะช่วยให้มนุษย์เรานั้นบำบัดทุกข์ได้อย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามควรย้ำว่า มิติทางจิตวิญญาณทางศาสนานั้น สิ่งที่ควรให้ความสำคัญมากที่สุดก็ คือ ความรู้ความเข้าใจที่ช่วยให้แต่ละคนสามารถเห็นสาเหตุต่างๆ และหนทางดับทุกข์ด้วยตนเอง เพื่อให้บรรลุถึงอิสรภาพในทาง “จิต และ ปัญญา” อันเป็นจุดหมายสูงสุดของมนุษย์ทั้งหลายจนถึงบิ๊กแบงภายในใจ...

มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลก คือ สามารถเป็นทั้งศูนย์กลางของจักรวาล และเป็นทั้งส่วนหนึ่งของจักรวาลได้ กล่าวคือ ในฐานะศูนย์กลางของจักรวาล มนุษย์สามารถปรับสิ่งต่างๆที่อยู่รอบกายให้เข้ากับตัวเขาเองได้ (ยึดมั่นถือมั่นในตัวตน) และเช่นกัน มนุษย์เราในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล มนุษย์จำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากันกฎเกณฑ์ต่างๆในจักรวาลและธรรมชาติ และนี่คือ ความอ่อนแอ และยิ่งใหญ่ ภายในของความเป็นธรรมชาติของตัวมนุษย์เอง อยู่ที่เราจะเลือกปฏิบัติแบบไหน เป็นศูนย์กลางหรือจะเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลธรรมชาติ “บิ๊กแบงภายใจจึงเกิด” เมื่อเราเข้าใจดังนี้ ...

0 Comments:

Please Comments

Sponsored Links

Thaifossil.com      ”ของแปลกของหายาก      Menu Domain      Thai Cosmic

Text Link Ads